การวินิจฉัยโรคกระเพาะ

บางทีอาการปวดท้อง ปวดจุกลิ้นปี่อาจไม่ได้หมายถึงโรคกระเพาะอาหารเสมอไป เพราะอาจเป็นอาการหนึ่งของโรคอื่น ๆ ได้ เช่น

  1. ตับอักเสบ มีอาการอ่อนเพลีย จุกแน่นลิ้นปี่ ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลือง) อาจมีอาการเบื่ออาหารร่วม ด้วย และอาจมีไข้คล้ายไข้หวัดนำมาก่อน
  2. ตับแข็ง มีอาการจุกแน่นลิ้นปี่ ดีซ่าน อาจมีประวัติดื่มสุราจัดมานาน
  3. นิ่วในถุงน้ำดี มีอาการปวดบิดเกร็งเป็นพัก ๆ ตรงใต้ลิ้นปี่และใต้ชายโครงขวา หลังกิน อาหาร (มัน ๆ) เป็นบางมื้อบางวัน บางครั้งอาจ ปวดรุนแรงจนแทบเป็นลม นานครั้งละ 30 นาที อาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วย
  4. ไส้ติ่งอักเสบระยะแรกเริ่ม มีอาการปวดรอบ ๆ สะดือเป็นพัก ๆ คล้ายท้องเสีย อาจเข้า ห้องน้ำบ่อย แต่ถ่ายไม่ออก หรือถ่ายแบบท้องเสีย ปวดนานหลายชั่วโมง แล้วต่อมาจะย้ายมาปวดตรงท้องน้อยข้างขวา แตะถูกหรือขยับเขยื้อนตัวจะเจ็บ ต้องนอนนิ่ งๆ หากไม่รักษาจะปวดรุนแรงขึ้นนานข้ามวันข้ามคืน
  5. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ มีอาการจุกแน่นตรงลิ้นปี่ และปวดร้าวขึ้นไปที่คอ ขากรรไกร ไหล่ หรือต้นแขน นานครั้งละ 2-5 นาที มักมีอาการกำเริบ เวลาออกแรง เดินขึ้นบันได ทำอะไรรีบร้อน หลังกินข้าว อิ่ม หลังอาบน้ำเย็น มีอารมณ์ เครียด หรือขณะสูบบุหรี่ จะปวดนาน ๆ ครั้ง เวลามีเหตุกำเริบดังกล่าว บางคนอาจเข้าใจว่าเป็น เพียงโรคกระเพาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีอาการ กำเริบหลังกินข้าว ผู้ป่วยอาจมีประวัติสูบบุหรี่ จัด ขาดการออกกำลังกาย อ้วน เป็นเบาหวาน ความดันเลือดสูง หรือไขมันในเลือดสูง หรืออาจมีอายุมาก (ชายอายุ 45 ปีขึ้นไป, หญิงอายุ 55 ปีขึ้นไป)
  6. มะเร็งตับ หรือมะเร็งกระเพาะอาหาร มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนัดลด จุกแน่นท้อง อาจมีคลื่นไส้อาเจียน ดีซ่าน อาเจียน เป็นเลือด ถ่ายอุจจาระดำ หรือหน้าตาซีดเซียวร่วมด้วย อ่านต่อ http://jewishnavy.org/?p=176

ทั้งนี้ แพทย์จะซักประวัติและวินิจฉัย หากทานยารักษาโรคกระเพาะแล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จะตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อวินิจฉัย โดยอาจให้ผู้ป่วยกลืนแป้งแบเรียม เอกซ์เรย์ หรือใช้กล้องส่องดูว่ามีแผลในกระเพาะอาหารหรือไม่ หากพบเป็นแผล จะนำเนื้อเยื่อไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นเชื้อเอชไพโลไรหรือไม่ เพื่อจะได้รักษาต่อไป อ่านต่อ http://www.finbook.net/?p=700